วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551

ชื่อสามัญ Paracetamol/Acetaminophen

ชื่อสามัญ Paracetamol/Acetaminophen

ชื่อการค้า Acta-P,*Acetacol,*Acetapyrin-c,Acetasil,*Alaxan Pl,Algogen,*Amcopan Plus.A-Mol Plus.*Anhista,*Apracur, Biogesic,*Brustan.*Buscopan Plus, Calpol/Capol 6-12/Calpol Ped,*Cariso-co,*CarisomaCompound,*Caritasone,*Cecold,Cemol,*Cemol Cold,*Cenasic,*Cencold,*Cenpadol,*Cetan,*Cezox,*Chlorhistan,*codicet,*Codiges,*Colatus,*Coldosian,*Coolby Cough,*Corilax,*Cotenok,Daga,*Decokgen/Decolgen DE/Decolgen Plus/ Decolgenrin,*Decono,Deenamol,Depyret, *Detamol,*Dorpane,*FECOL.Fnn,*Hiscolgen/Hiscolgenf,*lcolid,Plus,*KibtalB/KibtalBF,Kit-FDrops,Kit-SyupLotemp,*MasaparaW/Codeine,*MCXY/MCXY Plus,*Medesic,*Medlax,*Milagin,*Muscekax,*MuscokMYcol Myodrine,*Myoflex,*Myora,*Myoser,Neosc,*Neozep, LX,*Norgesic,*Norgic,*Norphen,*Novapam,*Nuosic,*Nurasic,*Nuta,*Nutacold,*Orano,*Orflex,*Ornadine,*orpar,*Orphengesic,*Pacopan,Panadol,Paracap,Paracet,para Gdek,*parakon Forte,Para-G,Paragin , paramopl , * Paramol TP , * Paranal – L , Parat, Paratol , * Parcono , * Prospa , * Parina , Partamol , * Pedia –Col , Pemol , *Poli – Relaxane , * Polydol , *Pormus , *Pyracon , *Pyrecl , Pyretal , Ramol , * Relar , *Rena , * Rumatifen –Plus , Sara , Saridon , * Skelan , * Spasone , Temolan , Tempra /Tempra Forte , * Tiffy Fu , Tiffy / tiffy Dey Tumdi , Tylenol Tylenol Arthritis Pain , * Tylenol With Codeine , Tymol , *Ultracet , * Umeda Para- J , Unicap , * Unigan , Unimol Uracet , Vemol , Xebramol





ประเภทของยา

ยาบรรเทาอาการปวด ลดไข้

สรรพคุณ

บรรเทาอาการปวดและลดไข้ในกรณีที่ไข่สามารถหรือไม่ต้องการใช้ยาแอสไพริน หรือยาลดอาการอักเสบที่ไม่ใช้สเตอรอยด์ (NSAID) อาจให้ยาพาราเซตามอลแก่เด็กที่ได้รับวัคซีนดีพีที เพื่อลดอาการไข้และอาการปวดซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อได้รับวัคซีนนี้
ข้อมูลทั่วไป
พาราเซตามอลเป็นชื่อที่เรียกขานกันในเมืองไทย ที่สหรัฐอเมริกานิยมเรียกอะเซทามิโนเฟน มักใช้บรรเทาอาการปวดและลดไข้เนื่องจากโรคไข้หวัดธรรมดาไข้หวัดใหญ่ โรคติดเชื้อไวรัส หรือจากเหตุอื่นซึ่งทำให้เกิดอาการปวดและอาการไข้
ใช้บรรเทาปวดสำหรับผู้ที่แพ้แอสไพริน หรือผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาแอสไพรินได้ เพราะแอสไพรินมีปฏิกิริยากับยาอื่น เป็นต้นว่ายาลดความเหนือของเลือดชนิดรับประทาน นอกจากนี้ พาราเซตามอลยังใช้บรรเทาอาการอื่นหลายประการ เช่น ข้ออักเสบ ปวดจากนี้ พาราเซตามอลยังใช้บรรเทาอาการอื่นอีกหลายประการ เช่น ข้ออักเสบ ปวดศีรษะ ปวดฟันและปวดรำมะนาด แต่ยาพาราเซตามอลไม่ลดอาการอักเสบ

ข้อควรระวังและคำเตือน

ห้ามกินยาพาราเซตามอลถ้าแพ้หรือไวต่อยานี้ ห้ามกินยาพาราเซตามอลติดต่อกันเกิน10 วัน นอกจากผู้ขายยาสั่ง ห้ามกินยาเกินสั่งเหนือที่แนะนำในภาชนะบรรจุ
ต้องใช้ยานี้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด ถ้าเป็นโรคไต โรคตับหรือโรคติดเชื้อไวรัสที่ตับ แอลกอฮอล์ปริมาณสูงเสริมพิษต่อตับของพาราเซตามอลขนาดสูงหรือเกินขนาด ต้องหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ถ้าต้องกินยาพาราเซตามอลอยู่เป็นประจำ เพราะว่าบางคนไวต่อปฏิกิริยานี้มากกว่าคนอื่น



พิษภัยที่อาจเกิดจากยา
ยานี้กล่าวได้ว่าเป็นยาที่ไม่มีพิษเมื่อใช้ตามขนาดที่แนะนำ ด้วยเหตุนี้พาราเซตามอลจึงเป็นยายอดนิยอม โดยฉพาะผู้ที่ใช้ยาแอสไพรินไม่ได้
พบได้น้อยมาก : เมื่อให้ยาขนาดสูงหรือเป็นระยะยาว อาจมีการทำลายตับ ผื่นขึ้น คัน ไข้ขึ้น น้ำตาลในเลือดสูง เกิดอาการเบิกบานผิวหนังหรทอตาขาวเป็นสีเหลือง และ/หรือส่วนประกอบของเลือดเปลี่ยนแปลง

ปฏิกิริยากับยาอื่น
● ฤทธิ์ของยาพาราเซตามอลอาจลดลงเมื่อได้รัยยาพวกกดบาร์บิทูเรต คาร์แบมาเวพีน เฟนิโทอิน หรือยาประเภทเดียวกัน ไรแฟมพิซิน และซัลฟินพัยราโซนเป็นระยะยาวหรือในขนาดสูง นอกจากนี้ ยาเหล่านี้ยังอาจเสริมพิษต่อตับอีกด้วยถ้าผู้ใช้ยาร่วมกัน
● เครื่องดื่มที่แอลกฮอล์เพิ่มโอกาสที่จะเกิดพิษต่อตับ และอาจทำให้ตับวายได้ถ้ากินร่วมกับยาพาราเซตามอล

ปฏิกิริยากับอาหาร
ยังไม่ทราบ

ขนาดยาที่ใช้
ผู้ใหญ่และเด็ก (อายุ 12 ปีขึ้นไป) : 300-600 มิลลิกรัม วันละ 4-6 ครั้ง หรือ 1,000 มิลลิกรัม วันละ 3-4 ครั้ง ไม่ควรกินยาเกิน 2.6 กรัม (8 เม็ด ขนาด 325 มิลิกรัม หรือ 5 เม็ด ขนาด 500 มิลลิกรัม) ต่อวันเป็นระยะเวลายาวนาน
เด็ก (อายุ 11 ขวบ) : 480 มิลลิกรัม วันละ 4 – 5 ครั้ง
เด็ก (อายุ 9-10 ขวบ) : 400 มิลลิกรัม วันละ 4 – 5 ครั้ง
เด็ก (อายุ 6-8 ขวบ) : 380 มิลลิกรัม วันละ 4 – 5 ครั้ง
เด็ก (อายุ 4-5 ขวบ) : 240 มิลลิกรัม วันละ 4 – 5 ครั้ง
เด็ก (อายุ 3 ขวบ) : 160 มิลลิกรัม วันละ 4 – 5 ครั้ง
เด็ก (อายุ 1-2 ขวบ) : 120 มิลลิกรัม วันละ 4 – 5 ครั้ง
เด็ก (อายุ 4-11 เดือน) : 80 มิลลิกรัม วันละ 4 – 5 ครั้ง
เด็ก (อายุ 4 เดือน) : 40 มิลลิกรัม วันละ 4 – 5 ครั้ง

การใช้ยาเกินขนาด

อาการเมื่อกินยาพาราเซตามอลเกินขนาดคือ คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อแตก เบื่ออาหาร ง่วนนอน สับสน ท้องนุ่ม ความดันโลหิตตก จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติผิวหนังหรือตาขาวเป็นสีเหลือง ตับวาย และไตวาย
การทำลายตับของยาพาราเซตามอลเกินขึ้นได้เทมือกินยาครั้งเดียว 12 เม็ดอย่างแรง ( 50 มิลลิกรัม) หรือ 18 เม็ดขนาดปกติ (325 มิลลิกรัม) แต่ส่วนมากการทำลายตับมักเกิดขึ้นเมื่อกินยามากกว่านั้นคือ 20 เม็ดอย่างแรง หรือ 30 เม็ดอย่างธรรมดา การใช้ยาปริมาณสูงเป็นเวลานาน ขนาด 3,000 -4,000 มิลลิกรัม ต่อวัน เป็นปี ก็สามารถทำลายตับได้ โดยเฉพาะอย่างอย่างยิ่งเมื่อมีแอลกฮอล์เข้าร่วมด้วย
ถ้ากินยาเกินขนาดต้องทำให้ผู้เคราะห์ร้ายอาเจียนโดยเร็วที่สุดด้วยไซรัป-อิพิแคก หรือด้วยวิธีอื่นที่ศูนย์ควบคุมพิษแนะนำ จากนั้นพาผู้เคราะห์ร้ายไปห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเพื่อประเมินผล อย่าลืม นำยาหรือขวดยาไปด้วย
ข้อมูลพิเศษ
ถ้าไม่ได้ใช้ยาอย่างผิดๆพาราเซตามอลเป็นยาที่มีประโยชน์ มีประสิทธิภาพและเกือบกล่าวได้ว่าเป็นยาที่ไม่มีพิษถ้าปฏิบัติตามคำสั่งในฉลาก ถ้าผู้ใหญ่ใช้ยาพาราเซตามอล 10 วัน หรือเด็ก 5 วัน แล้วยังไม่ได้ผล ต้องปรึกษากับผู้ขายยาใหม่
เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลทำให้การทำลายตับซึ่งอาจเกิดจากพาราเซตามอลรุนแรงขึ้นได้ ผู้ที่ต้องกินยานี้เป็นประจำต้องจำกัดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ถ้าลืมกินยาพาราเซตามอล 1 มื้อ กินยาทันทีที่นึกได้ ถ้านึกได้ก่อนเวลากินยาครั้งต่อไปภายใน 1 ชั่วโมง งดยามื้อที่ลืม และกินยามื้อต่อไปตามกำหนดเดิม ห้ามกินยาเป็น 2 เท่าของขนาดปกติ

บุคลพิเศษ
หญิงมีครรภ์/หญิงให้นมลูก
พาราเซตามอลจัดว่ายาที่ปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์เมื่อให้ยาในขนาดปกติ การกินยาในปริมาณสูงเป็นเวลายาวนานติดต่อกัน อาจทำให้ทารกพิการหรือขัดขวางการเจริญเติบโตของทารกได้ มีทารก 3 ราย ที่เกิดมาสะโพกโย้เชื่อว่าเกิดขึ้นเนื่องจากยาพาราเซตามอล ควรปรึกษาผู้ขายยาก่อนกินยานี้ถ้ากำลังตั้งครรภ์หรืออาจมรครรภ์
พาราเซตามอลจำนวนเล็กน้อยอาจออกมาน้ำนม แต่ยานี้ถือได้ว่าไม่มีอันตรายต่อทารก

ผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุกินยาพาราเซตามอลได้ตามคำสั่งของผู้ขายยา

ไม่มีความคิดเห็น: